Sunday, December 26, 2010

อีมาน(ศรัทธา)5ระดับ

อีมาน(ศรัทธา)5ระดับ


อีมาน เป็นรากฐานอันสำคัญสำหรับมุมิน หากเปรียบมนุษย์ดังเช่นต้นไม้
อีมาน ก็เปรียบได้กับรากแก้วของต้นไม้ หากเปรียบมนุษย์เสมือนบ้าน
อีมาน ก็คือรากฐานหรือเสาเข็มของบ้านหลังนั้น
อีมาน เป็นศัตรูตัวฉกาจของนัฟซูและไซตอน
เพราะอีมานนั้นไม่ยอมร่วมมือกับนัฟซูและไซตอนอย่างแน่นอน ลักษณะของมัซมูมะห์(ที่น่ารังเกลียดทั้งหลาย) เช่น อิจฉาริษยา อาฆาตรพยาบาท โทสะ เป็นต้น จะสลายหมดสิ้นไป เมื่อมีอีมานประทับอยู่ในจิตใจ หมายถึงการมีเกียรติของมนุษย์นั้นอยู่ที่อีมานที่สูงส่ง มิได้อยู่ที่เกียรติยศและทรัพย์สมบัติ บุคคคลที่มีอีมานที่แข็งแกร่ง คือบุคคลที่จรรยามารยาทที่ดีงาม บุคคลเช่นนี้จะได้รับความเคารพและมีเกียรติในสังคม สังคมก็จะมีแต่ความสงบสุข หากแต่ว่าระดับอีมานของมนุษย์เรามีความแตกต่างกัน สังคมจึงยังต้องมีสภาพดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ด้วยเหตุนี้ อิสลามจึงได้แบ่งอีมานออกเป็น 5 ระดับ มุสลิมทุกคนย่อมไม่รอดพ้นการอยู่ในอีมานทั้ง 5 ระดับ ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้

....1.อีมาน ตักลีด คืออีมานชนิดลอกเลียนแบบ โดยหลักภาษา อีมานตักลีด ก็คือ อีมานแบบตามๆเขาไปนั่นเอง หมายความว่า บุคคลที่ศรัทธาต่อรู่ก่นอีมานทั้งหมดแค่เพียงลอกเลียนแบบคนอื่นว่าอย่างไรเขาก็ว่าตามนั้นด้วยการศรัทธาอีมานของเขาไม่แข็งแกร่ง ขาดความเข้าใจในหลักการอิสลามอย่างแท้จริง เขาไม่มีเหตุผลเพียงพอว่าทำไมเขาต้องอีมาน หากเขาถูกถามว่า ?อะไรคือหลักฐานที่ว่า อัลเลาะห์นั้นทรงมี ?? เขาก็จะตอบได้เพียงว่า ?ฉันได้ยินคนทั้งหลายพูดว่ามี ฉันก็ว่ามีด้วยนั่นแหละ....?
.....ลักษณะของบุคคลที่มีอีมานตักลีด ตามทัศนะของศาสนาอิสลามนั้น พวกเขาจะเปรียบเสมือนกับลักษณะของใบตองแห้งที่พัดไปมาตามกระแสลม หากลมแรงพัดไปทิศเหนือ พวกเขาก็จะไปสู่ทิศเหนือ หากลมเปลี่ยนทิศพัดสู่ทิศใต้ เขาก็จะหันไปทางทิศใต้ คนส่วนใหญ่หรือผู้มีอิทธิพลในสังคมทำอะไร เขาก็จะทำตาม อีมานที่เขามีอยู่นั้นไม่สามารถจัดการกับอารมณ์นัฟซูในตัวของเขาเองได้เลย พวกเขาไม่กล้าที่จะเผชิญกับปัญหาต่างๆ ซึ่งหากสภาพการณ์เช่นนี้ถูกปล่อยให้คงอยู่ ประชาชาติอิสลามก็จะต้องตกต่ำในสายตาของศัตรู
.....ตามทัศนะของนักปราชญ์ที่เชื่อถือได้กล่าวว่า : อีมานตักลีดนี้ใช้ไม่ได้(ไม่เซาะห์)แต่มีบางทัศนะที่เบาหน่อยกล่าวว่า : สำหรับบุคคลที่โง่เขลาสมองทึบ ถึงแม้จะร่ำเรียนอย่างไรก็เรียนไม่รู้เรื่อง ซึ่งคนแบบนี้อยู่ในลักษณะของอีมานตักลีดเช่นกัน แต่ใช้ได้(เซาะห์) แต่หากว่าสมองสติปัญญาดี ความจำดี ร่ำเรียนได้ แต่ไม่สนใจในการร่ำเรียนศาสนา ฉะนั้น เขาตกอยู่ในอีมานตักลีดที่ใช้ไม่ได้ (ไม่เซาะห์)หมายความว่าพระองค์อัลเลาะห์จะไม่ทรงยอมรับว่าเขานั้นเป็นบุคคลที่มีอีมาน เมื่ออีมานไม่ถูกรับรอง การปฏิบัติอิบาดะห์ของเขาก็ไม่ถูกยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการละหมาด ถือศีลอด จ่ายซะกาต ซิเกร วิริดและอิบาดะห์อื่นๆ ถึงแม้จะมากมายมหาศาลเพียงใดก็ตาม

.... 2.อีมาน อิลมุ คืออีมานที่อาศัยวิชาความรู้เป็นหลัก ความรู้ในที่นี้หมายถึงวิชาความรู้แห่งการศรัทธาตามบัญญัติแห่งอิสลาม บุคคลที่มีอีมานอิลมุคือบุคคลที่ร่ำเรียนวิชาที่ว่าด้วยการรู้จักอัลเลาะห์ มาลาอีกะห์ บรรดาคัมภีร์ บรรดานบี และวันกิยามะห์เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะเป็นต้องศรัทธายึดมั่น วิชาการดังกล่าวที่จำเป็นต้องเรียนรู้และศรัทธา เช่น
- 20 คุณลักษณะที่วายิบสำหรับอัลเลาะห์ พร้อมด้วยหลักฐานอักลีย์(สติปัญญา)และหลักฐานนักลีย์(ตัวบท) อย่างน้อยโดยสรุป (อิจมาลีย)
- 20 คุณลักษณะที่มุสตาเฮลสำหรับอัลเลาะห์ พร้อมหลักฐานอักลีย์และนักลีย์ อย่างน้อยโดยสรุป
- หนึ่งคุณลักษณะที่ฮาโรส(ญาเอซ) สำหรับอัลเลาะห์
- 4 คุณลักษณะที่วายิบสำหรับบรรดารอซูล
- 4 คุณลักษณะที่มุสตาเฮลสำหรับบรรดารอซูล
- หนึ่งคุณลักษณะที่ฮาโรส สำหรับบรรดารอซูล
ใน 50 คุณลักษณะดังกล่าว (41 คุณลักษณะของอัลเลาะห์ และ 9 คุณลักษณะของรอซูล)
เราเรียกว่า ?กฎแห่งอีมาน? และได้รวมอยู่ในคำกล่าวปฏิญาณที่ว่า ?ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์ และนบีมูฮำมัดเป็นศาสนทูตของอัลเลาะห์?
.....บุคคลที่มีอีมานอิลมุนั้น การศรัทธาเชื่อมันของเขา จะมีรากฐานและรากแก้วที่เข้มแข็งอยู่ในความคิดของเขา พวกเขามีสติปัญญาที่อยู่ในเตาฮีดที่แน่วแน่และมั่นคง แต่ทว่า บุคคลที่มีอีมานอิลมุนั้น อีมานของเขาอยู่เพียงแค่สติปัญญา มิใช่อยู่ในจิตใจ บรรดาสิ่งต่างๆ ที่เขาศรัทธามุ่งมั่นนั้น อยู่ในรูปแบบของความเข้าใจ มิได้ฝังลงไปในจิตวิญญาณ เขารู้ว่าอัลเลาะห์ทรงมี แต่รู้ด้วยสมองและสติปัญญา แต่ไม่ได้รู้จักโดยจิตใจ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้สึกว่าอัลเลาะห์ทรงมี และไม่เกรงกลัวพระองค์ จิตใจของเขาไม่ผูกพันอยู่กับอัลเลาะห์ ไม่โน้มน้าวไปสู่พระองค์ ดังนั้น เขาจึงไม่รำลึกนึกถึงพระองค์ หากว่าเขานึกถึงอัลเลาะห์ ก็เพียงบางครั้งบางคราวและต้องบังคับจิตใจของตัวเอง ผลที่เกิดขึ้นก็คือ พวกเขายังกล้าทรยศต่อพระองค์อัลเลาะห์ คำดำรัสใช้ของพระองค์ ก็ทำเพียงส่วนน้อย ในขณะเดียวกัน คำสั่งห้ามของพระองค์ก็ยังคงปฏิบัติไว้มากมาย พวกเขายังมัวเมาในการทำความชั่ว เหตุเพราะพลังอีมานอิลมุที่พวกเขาครอบครองอยู่นั้นไม่สามารถต่อต้านกับนัฟซูและไซตอนที่ฝังอยู่ในจิตใจของพวกเขาได้ พวกเขาจึงตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ และอยู่ในบาปเสมอ เราลองมาดูตัวอย่างของบรรดาผู้ที่อยู่ในสภาพอีมานอิลมุ มีหลายเหตุผลที่ชี้ให้เห็นว่าบุคคลที่มีอีมานอิลมุ ย่อมไม่สามารถต่อสู้กับนัฟซูได้สำเร็จ
- บุคคลที่อยู่ในระดับแนวหน้าทางศาสนา มีตำแหน่งในสังคม เป็นโต๊ะครู โต๊ะอีมาม อาจารย์ ศาสตราจารย์ เป็นต้น ซึ่งส่วนมากแล้วยังคงคลุกคลีอยู่กับดอกเบี้ย คล้อยตามแนวทางของตะวันตก มุ่งที่จะส่งลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนในแบบตะวันตกที่มีชื่อเสียง แม้ลูกหลานจะต้องแต่งกายขัดต่อหลักศาสนา ไม่มีโอกาสได้เรียนอัลกุรอานและฮาดีษ ไม่ใช้พวกเขาไม่รู้ แต่ว่าพวกเขาปล่อยปละละเลย หันหลังให้กับความต้องการของอิสลาม เนื่องจากนัฟซูและไซตอนที่มุ่งแสวงหาความร่ำรวยและเกียรติตำแหน่ง
ผลสุดท้ายพวกจึงตกอยู่ในวังวนของผู้หลงผิดและทรยศต่ออัลเลาะห์
- กลุ่มชนที่สำเร็จการศึกษาในระดับสูง มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องหลักการบทบัญญัติทางศาสนา สามารถที่จะตอบโต้และให้ความรู้แก่ผู้อื่นได้ แต่พวกเขายังคล้อยตามสังคมที่แต่งกายเปิดเผยเอารัด มีสังคมที่เสรีปะปนกันระหว่างหญิงและชาย เขาท่องจำกุรอานและฮาดีษ เขาสามารถบอกได้ว่าเอารัดของหญิงและชายนั้นมีขอบเขตแค่ไหน แต่ในขณะเดียวกัน ลูกเมียของเขาก็ยังคงแต่งกายไม่ปกปิดเอารัด คล้อยตามแฟชั่นสมัยใหม่ พวกเขายอมรับปรัชญาความคิดของพวกญาฮีลียะห์ ที่มองดูว่า การแต่งกายครึ่งโป๊ครึ่งเปลือยเป็นความสวยงามน่ารัก ความเข้มแข็งของอีมานไม่สามารถต่อสู้กับความเข้มแข็งของนัฟซูและไซตอนได้
ท่านรอซูลุลเลาะห์ ได้กล่าวไว้ มีใจความว่า
?จะมีปรากฏบนพวกท่านในยุคสุดท้าย(อาเครซามาน) นั่นคือผู้ทำอิบาดะห์ที่อวิชา(ญาเฮล) และคนอาเหล่ม(มีความรู้)ที่ชั่วช้า(ฟาซิก)?
?เมื่อใดผู้มีความรู้(อาเหล่ม)ปั่นปวน โลกนี้ทั้งหมดก็ย่อมปั่นป่วนตามไปด้วย?

วิธีการแก้ไข
มีหนทางเดียวที่ให้ได้รับความปลอดภัยกับบุคคลที่มีอีมานอิลมุจากการถูกลงโทษในนรกได้ก็คือ ด้วยกับการเตาบัต (สำนึกผิด) ให้มาก เสียใจในความบกพร่องพร้อมกับขออภัยโทษ และขอความรักใคร่จากอัลเลาะห์ หากพระองค์จะทรงให้อภัยก่อนสิ้นชีวตลง อินชาอัลเลาะห์ เขาก็จะปลอดภัยจากขุมนรก

.....3.อีมาน อะยาน คืออีมานของคนที่มีอีมานอิลมุ ต่อมาภายหลังได้ขยันมุ่งมั่นปฏิบัติอิบาดะห์ที่สามารถเพิ่มพูนอีมานได้ เขาก็จะเลื่อนขึ้นจากอีมานอิลมุไปสู่อีมานอะยาน เช่นเดียวกับบุคคลที่มีอีมานตักลีด เมื่อเขาร่ำเรียนแสวงหาวิชาความรู้ เขาก็จะเลื่อนไปสู่ระดับอีมานอิลมุ แต่สำหรับผู้ที่มีอีมานอิลมุจะเลื่อนระดับอีมานของเขาสู่อีมานอะยานได้นั้น เขาจะต้องปฏิบัติในวิชาความรู้ที่เขาได้เรียนรู้มา ด้วยความเข้าใจในเนื้อหาและพิถีพิถัน มีสมาธิ อีมานอิลมุนั้นการศรัทธาของเขาอยู่ที่สติปัญญา แต่อีมานอะยานนั้นการศรัทธาของเขาอยู่ที่จิตใจ โดยการศึกษาเรื่องที่ว่าด้วยอีมานจนซึมซาบเข้าสู่สติปัญญา และทำอิบาดะห์อย่างมีสมาธิพร้อมใคร่ครวญถึงความเกรียงไกรของอัลเลาะห์ จนอีมานของเขาซึมซาบเข้าสู่จิตใจ เขารู้สึกด้วยกับจิตใจของเขาว่าอัลเลาะห์ทรงมี ด้วยเหตุนี้เขาจึงมิจิตใจที่ผูกพันอยู่กับอัลเลาะห์ รำลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ บุคคลแบบนี้เองที่พระองค์อัลเลาะห์ได้กล่าวไว้ในคำดำรัสของพระองค์ ซึ่งมีใจความว่า :
?คือบรรดาผู้ที่รำลึกถึงอัลเลาะห์ทั้งในสภาพยืนและนั่งและในสภาพที่นอนตะแคง และพวกเขาพินิจพิจารณากันในการสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน(โดยกล่าวว่า) โอ้ พระเจ้าของพวกข้าพระองค์ พระองค์มิได้ทรงสร้างสิ่งนี้มาโดยไร้สาระ มหาบริสุทธิ์พระองค์เจ้า โปรดทรงคุ้มครองพวกข้าพระองค์ได้พ้นจากการลงโทษแห่งไฟนรกด้วยเถิด? อัล อิมรอน : 191

ความรู้สึกถึงการภักดีอย่างไม่มีเงื่อนไขนั้น ย่อมไม่อาจมีได้หากบุคคลหนึ่งนั้น ยังไม่ถึงขั้นของอีมานอะยาน เขาก็ไม่อาจจะปฏิบัติหรือไม่สามารถฝืนบังคับตนเองได้ ดังนั้นการรู้สึกภักดีอย่างไม่มีเงื่อนไขนั้น คือการประทานให้ของอัลเลาะห์ ซึ่งเป็นผลมาจากความบริสุทธิ์และการปฏิบัติเป็นประจำในอิบาดะห์ของบุคคลหนึ่ง ผู้มีอีมานอะยาน เขายังไม่สามารถนึกถึงอัลเลาะห์อยู่ตลอด 24 ชั่วโมงได้ ยังมีเวลาที่เขายังหลงลืมและทำบาปเล็กๆ อยู่ แต่ทุกครั้งที่ปรากฏเช่นนั้นขึ้นมา พวกเขาจะรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อให้เกิดความละอายและกลัวการลงโทษจากพระองค์อัลเลาะห์ สิ่งนี้เองที่ทำให้พวกเขาเตาบัตอย่างเสียอกเสียใจ พร้อมทั้งได้ให้สัญญาว่าจะไม่กลับไปทำบาปเช่นนั้นอีก
ท่านรอซูลุลเลาะห์ ได้ทรงให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ไว้โดยมีใจความว่า :
?คนมุมินนั้น เมื่อเขาทำความชั่วเพียงน้อยนิด เขามีความรู้สึกเสมือนกับว่าภูเขาที่ใหญ่โตจะหล่นมาทับลงบนตัวเขา?
ในอัลกุรอานพระองค์อัลเลาะห์ได้ทรงดำรัสถึงเรื่องเกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคลที่มีอีมานอะยานไว้มากมาย
ข้าพเจ้าจะเรียบเรียงส่วนหนึ่งจากคุณลักษณะนั้นโดยย่อ เพื่อให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น
- มีคุชุ (สมาธิ) ในละหมาด
- มีการถือศีลอด
- บริจาคซากาต
- ไปประกอบพิธีฮัจย์ เมื่อมีความสามารถ
- ยินดีรีดอ ในสิ่งที่พระองค์อัลเลาะห็ได้ทรงกำหนดไว้
- อดทนต่อการเผชิญกับการทดสอบจากอัลเลาะห์
- ขอบคุณในเนี๊ยะมัตของพระองค์
- หากไกลจากการทำชั่ว เช่น เสพยา ดื่มเหล้า เล่นการพัน เข่นฆ่า นินทา พูดจาใส่ร้าย หาเรื่องทะเลาะวิวาท เป็นต้น
- มุญาฮาดะห์ต่อสู้กับนัฟซูอยู่เสมอ และละทิ้งสิ่งที่ชั่ว เช่น การทระนงตน หยิ่งยโส โอ้อวด ริษยาอาฆาต เป็นต้น
- มีจรรยามารยาทที่ดีงาม มีความถ่อมตน
- ไม่ฟุ่มเฟือย เพียงพอในสิ่งที่ตนมี และมีความประหยัด
- ไม่สิ้นหวังในการเผชิญกับปัญหาชีวิต
- ปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ และทำการตักเตือนซึ่งกันและกัน
- ชอบประกอบคุณงามความดี ช่วยเหลือผู้อื่น
- มุ่งมั่นดำรงไว้ซึ่งในคำดำรัสของพระองค์อัลเลาะห์ ถึงแม้จะยากลำบากเพียงใดก็ตาม
- มีความพยายามต่อการละทิ้งสิ่งในคำดำรัสห้ามของพระองค์อัลเลาะห์
- เป็นผู้ที่ต่อสู้ยืดหยัดในแนวทางอิสลามอยู่เป็นอาจิน
.....คุณลักษณะเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้นั้น ต้องมีจิตใจที่สัมพันธ์ต่ออัลเลาะห์ รำลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ มีความเกรงกลัวและมุ่งหวังในความโปรดปรานของพระองค์ อวัยวะและร่างกายของเขากระทำไปเพื่อการรู้จักอัลเลาะห์ ดวงตาของเขาใช้เพื่อการมองดูบรรดาโองการต่างๆของอัลเลาะห์ ปากและลิ้นของเขาใช้เพื่อการกล่าวรำลึกถึงอัลเลาะห์ หูใช้เพื่อฟังเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ มือและเท้าใช้เพื่อทำการภักดีต่อพระองค์ สิ่งที่อัลเลาะห์ทรงประทานให้เขาใช้ไปเพื่ออัลเลาะห์องค์เดียวเท่านั้นพระองค์อัลเลาะห์ได้ทรงสรรเสริญ กลุ่มบุคคลที่มีอีมานอะยานนี้ โดยได้ให้ชื่อของพวกเขาในบรรดาชื่อที่ดีๆ
- คนซอและห์ (คนดี)
- กลุ่ม อับร๊อร (ผู้ภักดี)
- คนมุฟลิฮูน (ผู้ได้รับชัยชนะ)
- กลุ่ม อัลฟาอิซูน (กลุ่มผู้ได้รับความสำเร็จ)
- อัซฮาบุลยามีน (ผู้ได้รับบัญชีอามั้ลข้างขวาที่ทุ่งมะฮ์ซัร)
.....บุคคลที่มีอีมานอะยาน ไฟนรกจะไม่แตะต้อง พวกเขาคือชาวสวรรค์ แต่ในขณะเดียวกันเขาจะต้องถูกกักตัวไว้เพื่อสอบสวนที่ทุ่งมะฮ์ซัร เนื่องจากเขายังทำในสิ่งที่ฮาโรสไว้มาก ทำให้เข้าสู่สรวงสวรรค์ช้าลง


....4. อีมาน ฮักก์ คือ อีมานแท้ เป็นการเลื่อนขึ้นของผู้ที่มีอีมานอะยาน บุคคลที่สามารถขึ้นถึงระดับอีมานฮักก์ได้นั้น คือบุคคลที่มองเห็นพระองค์อัลเลาะห์ด้วยกับจิตใจ ทุกครั้งที่เขามองดูสรรพสิ่ง จิตใจของเขาจะใคร่ครวญระลึกถึงอัลเลาะห์ โดยปราสจากการเสแสร้ง ทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ โดยมาพร้อมกับความเกรงกลัว เกรงขาม สรรเสริญ และมีความภักดีต่อพระองค์อัลเลาะห์
บุคคลที่มีอีมานฮักก์ จะไม่ลุ่มหลงในความสวยงามและความเพลิดเพลินของโลกแห่งวัตถุ เขามีความรักต่ออัลเลาะห์และชีวิตในอาคีเราะห์อย่างเต็มเปี่ยม นัฟซูและไซตอนไม่สามารถทำให้เขาหลงลืมอัลเลาะห์ได้เลย สำหรับคนกลุ่มนี้ นัฟซูจะก้มหัวให้กับเขา ไซตอนก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ท่านซัยยิดินา อุมัร(รด.)ได้รายงานว่า เมื่อเขาเดินผ่านเส้นทางหนึ่ง ไซตอนจะไม่กล้าเดินผ่านเส้นทางนั้นอีกเลย เพราะกลัวท่านซัยยิดินาอุมัร เพราะเหตุนั้นบุคคนที่มีอีมานฮักก์ จะไม่ทำบาปแม้เพียงนิดเดียว และก็ไม่ปฏิบัติในสิ่งที่ฮาโรส(อนุญาตให้กับเขา)ที่อาจทำให้พวกเขาต้องถูกสอบสวนอย่างมากมายบุคคลที่สามารถถึงระดับอีมานฮักก์ได้ พระองค์อัลเลาะห์จะทรงให้ตำแหน่งเขา ให้เป็นคนมุก๊อรรอบีน หมายถึงผู้ใกล้ชิดกับพระองค์อัลเลาะห์ พวกเขาคือพวกที่อยู่ในฐานะวาลียุลเลาะห์ คุณลักษณะพิเศษของพวกเขา
พระองค์อัลเลาะห์ทรงตรัสไว้ในอัลกุรอาน ซูเราะห์ยูนุส อายะห์ที่ 62 ซึ่งมีใจความว่า :
?พึงสังวร แท้จริงบรรดาผู้สนิทกับอัลเลาะห์นั้น พวกเขาย่อมไม่ประสบความหวั่นกลัวใดๆ และพวกเขาไม่มีความโศกเศร้า?

.....5. อีมาน ฮากีกัต คือระดับอีมานขั้นสูงสุด อีมานที่สมบูรณ์แบบ เป็นอีมานของบรรดารอซูล บรรดานบี บรรดาคูลาฟาอุ๊รรอซีดีน พระองค์อัลเลาะห์ทรงให้สถานที่อยู่แก่พวกเขาในสวรงสวรรค์ชั้นสูงสุด โดยไม่ต้องถูกอาซาบหรือถูกสอบสวน ในการดำเนินชีวิตประจำวันของบรรดาผู้ที่มีอีมานฮากีกัตนั้น เขาจะจมอยู่ในความรำลึกความหลงรักและเมามายอยู่กับพระองค์อัลเลาะห์ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในยามหลับหรือในขณะตื่น อิริยาบถของพวกเขา การพูดจา การกิน การดื่ม การประพฤติทั้งหมดของพวกเขาจะอยู่ในการอิบาดะห์และภักดีต่อพระองค์อัลเลาะห์เสมอ คุณธรรมและมารยาทของพวกเขานั้น เป็นที่น่าสรรเสริญและยกย่อง จงศึกษาชีวประวัติของพวกเขาเหล่านึ้ในด้านคุณธรรม อุปนิสัยอัคลาค และการคบค้าสมาคมกับบุคคลจำนวนมาก สำหรับท่านนบีมูฮำมัด(ซล.)เมื่อท่านบริจาคทานทรัพย์สินท่านจะบริจาคจนหมดสิ้น เมื่ออยู่ปะปนกับมวลมนุษย์ไม่ว่าร่ำรวยหรือยากจน ท่านก็จะต้อนรับเขาด้วยความซาบซึ่งใจ หากมีคนที่แข็งกระด้างกับท่าน ท่านจะโต้ตอบด้วยความดีงามและทำดีแก่เขา เมื่อออกสู้รบ ท่านก็จะนำหน้าและต่อสู้อย่างกล้าหาญ กระทั่งถูกกระแทกจนฟันหักบาดแผลสาหัส ถูกศัตรูเหยียดหยามอย่างน่าอนาถ เมื่อทำอิบาดะห์กราบไหว้อัลเลาะห์ ก็จะยืนอยู่นานจนเท้าบวม เมื่ออยู่กับภรรยาท่านจะให้ความเห็นใจและยิ้มแย้มแจ่มในอยู่เสมอ การเป็นอยู่ของท่านเรียบง่าย นอนบนเสื่อหรือผ้าธรรมดา กินก็เพียงเล็กน้อย โดยวันหนึ่งกิน อีกวันหนึ่งถือศีลอด สลับกันไปเช่นนี้อยู่เป็นประจำ

.....ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นระดับของอีมานศรัทธาของมนุษย์ ตั้งแต่ระดับต่ำสุดจึงถึงสูงสุด ทำให้เรารู้ว่าอีมานระดับใดเป็นอีมานที่จะทำให้เรานั้นปลอดภัยจากไฟนรก ขอให้เราร่วมกันสำรวจตัวเอง และปรับปรุงระดับอีมานของเรา อย่างน้อยให้อยู่ในระดับอีมานอะยาน เพื่อให้เรานั้นเป็นที่พอพระทัยของพระองค์อัลเลาะห์ (ซบ.)และรอดพ้นจากไฟนรกอันร้อนแรงของพระองค์ในอาคีเราะห์

วะบิลลาฮิตเตาฟกวัลฮิดายะห์
วัสสลามมุอะลัยกุม

http://www.pantown.com/content.php?id=14279&name=content4

(เนื้อหาฉบับนี้ ผมเคยเห็นปรากฏในหนังสือ อีมานและรายละเอียด ผู้เขียนคือ อุสต๊าส อัชอารีย์ มูฮำหมัด)
......ซึ่งผมคิดว่ามีเนื้อหาดี เลยนำเสนอให้พี่น้องได้อ่าน
......ไม่รู้ว่าท่านผู้รู้และสมาชิกคิดเห็นอย่างไรกับเนื้อหาเรื่องนี้นะครับ
.......สามารถแสดงความคิดเห็นได้นะครับ

No comments: